เซร์ฮู กีราสซี่ กองหน้าของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ สร้างประวัติศาสตร์ 3 อย่างด้วยการทำแฮตทริกในเกมที่เอาชนะบาร์เซโลน่า 3-1 ในศึกแชมเปี้ยนส์ลีก เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
นักเตะทีมชาติกินีทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจที่สนามซิกนัล อิดูน่า ปาร์ค แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะช่วยให้ทีมจากบุนเดสลิกาคว้าตั๋วเข้าสู่รอบรองชนะเลิศได้
กีราสซี่ ทำประตูได้ 3 ลูกใส่ยักษ์ใหญ่จากสเปน ทำให้เขากลายเป็นนักเตะแอฟริกันคนแรกที่ยิงได้อย่างน้อย 12 ประตูในฤดูกาลเดียวในประวัติศาสตร์ของรายการนี้
เขาทำลายสถิติเดิมที่ทำร่วมกันระหว่าง โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ ดาวเตะทีมชาติอียิปต์ และ ซาดิโอ มาเน่ แข้งทีมชาติเซเนกัล ซึ่งแต่ละคนยิงได้ 10 ประตูในศึกแชมเปี้ยนส์ลีก 2017/18 ให้กับลิเวอร์พูล
นอกจากนี้ การที่ กิราสซี่ ที่ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมในเกมที่พบกับทีมของฮันซี่ ฟลิค ทำให้เขาเป็นผู้เล่น ดอร์ทมุนด์ คนที่ 4 เท่านั้นที่ทำแฮตทริกในแชมเปี้ยนส์ลีกได้ ต่อ
โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ เป็นคนแรกที่ทำได้ในเดือนเมษายน 2013 ในเกมที่พบกับ เรอัล มาดริด ตามมาด้วย ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง ในเกมที่พบกับ เบนฟิก้า ในเดือนมีนาคม 2017 และล่าสุดคือ คาริม อเดเยมี่ กองหลังทีมชาติเยอรมนี ในเกมที่พบกับ เซลติก ในเดือนตุลาคม 2024
ที่สำคัญกว่านั้น กิราสซี่ ยังได้กลายเป็นผู้เล่นชาวแอฟริกันคนที่ 9 ที่ทำประตูได้ 2 ประตู (หรือมากกว่า) ในนัดเดียวในรายการแข่งขันสโมสรชั้นนำของยุโรป โดยเข้าร่วมกลุ่มผู้เล่นระดับชั้นนำที่ประกอบด้วย ยาคูบู อาเยกเบนี (ไนจีเรีย), ซามูเอล เอโต้ (แคเมอรูน), ดิดิเยร์ ดร็อกบา (โกตดิวัวร์), โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ (อียิปต์), ยาซีน บราฮิมี (แอลจีเรีย), ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง (กาบอง), ซาดิโอ มาเน่ (เซเนกัล) และ เซบาสเตียน ฮัลเลอร์ (โกตดิวัวร์)